วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

ผัดปูทะเล
คุณประโยชน์ของอาหารทะเล ที่มีต่อสุขภาพ ซึ่งได้แก่มีไขมันต่ำ มีโปรตีนสูง และเป็นแหล่งสำคัญของกรดไขมัน Omega-3 มีแคลเซียมเป็นเกลือแร่ที่ร่างกายต้องการเพื่อรักษาความหนาแน่นและความแข็งแรงของกระดูก

คื่นช่าย
สรรพคุณ อันได้แก่ แก้อักเสบทั่วไป ลดความดันเลือด แก้ไอ แก้ประจำเดือนไม่ปกติ ตับอักเสบ และฤทธิ์ช่วยบำรุงสมอง ช่วยเรื่องความจำได้ด้วยนะคะ คราวนี้เราควรจะ หันมากินคื่นช่ายเยอะๆนะคะ ความจำจะได้ดีค่ะ โดยเฉพาะเด็กๆนะจ๊ะควรกินเยอะๆค่ะ จะได้เรียนเก่งๆไงคะ

เครื่องปรุง
ปูทะเล (เลือกเอาตัวผู้เนื้อจะแน่น) 3 ตัว
คื่นช่าย(หั่นเป็นท่อนๆ) 100 กรัม
ต้นหอม(หั่นเป็นท่อนๆ) 50 กรัม
หัวหอมใหญ่ 1 หัว
แครอทหั่น 50 กรัม
กระเทียมสับหยาบ 1 ช้อนชา
พริกสดสีแดง(ซอยตามยาว) 3 เม็ด
ไข่ไก่ 2 ฟอง
น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
พริกไทป่น 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา


วิธีเลือกปู

เลือกปูตัวผู้ สักเกต โดยหงายท้องปูดู จะมีลักษณะนี้ ตรงท้องจะเป็นสามเหลี่ยม พอกดจะแน่นๆ ขาและก้ามไม่หลุดออกจากกัน ไม่มีกลิ่นคาวจัด เมื่อทำความสะอาดปูเสร็จแล้วหั่นเป็น ท่อนพอคำ ระวังอย่าให้ มันปูหกและนำไขไก่ตอกใส่ในเนื้อปูเพื่อให้มันปูเกาะแน่นติดกับเนื้อปู


วิธีทำ 
นำกระทะตั่งไปปานกลาง เอาน้ำมันใส่พอร้อนใส่กระเทียม เจียวพอหอมใส่ปูพร้อมไข่ไก่ที่ตอกเตรียมไว้ ค่อยๆๆผักเบาๆ ใส่น้ำมันหอย +น้ำตาล +น้ำปลา +พริกไท + ชิมรส ใส่พริกซอย +หอมใหญ่ +แครอท +คื่นช่าย +ต้นหอม ตักรับประทานได้ 4-5 ที่
แกงเลียงปลาย่าง
ประโยชน์ของตำลึง(ส่วนผสมหนึ่งในแกงเลียงของเรา)
นอกจากจะปลูกเป็น "ผักสวนครัว รั้วกินได้" ให้เรานำมาปรุงอาหารรับประทานได้หลากหลาย ตำลึงยังมีคุณสมบัติในเชิงยาสมุนไพร ทั้งในส่วนของใบ ยอด ผลอ่อน ราก
การรับประทานตำลึงเป็นประจำนอกจากจะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินเอ ซึ่งช่วยในการบำรุงรักษาสายตาแล้ว ตำลึงยังมี ฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยเสริมส่งการมีสุขภาพ โดยปกติตำลึง หรือที่มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาคว่า "ผักแคบ" (ภาคเหนือ) "แคเด๊าะ" (กะเหรี่ยง) หรือ "ผักสี่บาท" (ภาคกลางบางท้องถิ่น) มีฤทธิ์ในการช่วยย่อยแป้งได้ดีอยู่แล้ว จึงเหมาะในการนำมารับประทานเป็นประจำ เพื่อช่วยลดอาการแน่นท้อง ท้องอืด อันเนื่องจากอาหารไม่ย่อย
นอกจากนี้ ใบตำลึงยังมีสรรพคุณสำคัญช่วยในการขับสารพิษตกค้างที่เกิดจากการรับประทานอาหารออกจากร่างกาย ทั้งในส่วนของลำไส้ หรือกระเพาะอาหารได้ด้วย
แกงเลียงอาหารที่มีรสชาติเฉพาะตัว อร่อยเผ็ดร้อนพริกไทย หอมกลิ่นสมุนไพรจากพืชผักหลายอย่าง มีประโยชน์ในการขับพิษ ไข้เป็นอย่างดี และทางการแพทย์ยังบอกว่า รับประทานแกงเลียงบ่อยยังช่วยยั้งการก่อให้เกิดมะเร็งลำไส้ และสร้างน้ำนมในแม่ที่ให้นมลูกได้ดีอีกจ๊ะ
แกงเลียง เป็นแกงที่ประกอบด้วยน้ำพริก ผัก เนื้อสัตว์ น้ำแกงและเครื่องปรุงรส น้ำพริกแกงเลียงจะแปลกกว่าน้ำพริกแกงชนิดอื่นๆ เพราะมีพริกไทย หัวหอม กะปิ กุ้งแห้ง ปลาย่างหรือปลากรอบ น้ำแกงมีลักษณะข้น ผักที่นิยมใส่ที่สามารถบอกลักษณะว่าเป็นแกงเลียง คือ ใบแมงลักมีกลิ่นหอมน่ารับประทาน นอกจากนั้นยังมีผักเช่น ตำลึง ฟักทอง ข้าวโพดอ่อน หัวปลี บวบ ผักหวาน ฯลฯ

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554


องุ่นผลไม้เพื่อสุขภาพ


องุ่น....ผลไม้แสนอร่อยที่หลายคนในครอบครัวชื่นชอบ ซึ่งนอกจากจะมีรสชาติดีและสามารถรับประทานได้ทั้งแบบ ผลสดและแห้งแล้ว คุณทราบไหมว่า องุ่นยังมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพและความงามของเราด้วย

ในผลองุ่นมีวิตามินและสารอาหารมากมาย โดยเฉพาะที่เปลือกและเมล็ด อย่างที่เราเคยได้ยินถึงการสกัดน้ำมันจากเมล็ดองุ่นมาเป็นส่วนผสมในครีม บำรุงผิวหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ น้ำมันนี้ช่วยให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อการจับตัวของก้อนเลือด และลดโคเลสเตอรอลชนิดแอลดีแอล (ไขมันไม่ดี) จึงช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบเลือดและหัวใจได้ดี นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยลดริ้วรอยและทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
ส่วน วิตามินต่างๆ ที่พบในองุ่นนั้นก็มีมากมายหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และเกลือแร่ชนิดต่างๆ ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสดชื่นได้เร็ว ส่วนหนึ่งเพราะน้ำตาลในองุ่นเป็น น้ำตาลที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้เลย จึงช่วยเร่งการเผาผลาญในร่างกาย และกระตุ้นให้ตับทำหน้าที่ฟอกเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มีผลจากการ วิจัยของนักวิทยาศาสตร์แห่งเมืองนิวยอร์กพบว่า ในองุ่นจะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า Polyphenols ซึ่งส่วนใหญ่เราจะสามารถบริโภคได้ในรูปของน้ำองุ่นหรือไวน์แดง สาร Polyphenols นี้มีส่วนช่วยให้คนเรามีอายุสมองที่ยาวนานขึ้นและแข็งแรง ทำให้สามารถทำงานและจดจำสิ่งต่างๆได้เป็นอย่างดีถึงแม้จะอายุมากแล้วก็ตาม

ประโยชน์ จากองุ่นนั้นไม่เพียงจะได้จากการรับประทานองุ่นสด องุ่นแห้ง หรือน้ำองุ่นคั้นสด 100% แล้ว ผลและน้ำองุ่นสดยังสามารถนำมาใช้บำรุงผิวหน้าและเส้นผมได้ด้วย อย่างสูตรบำรุงผิวหน้าให้เปล่งปลั่งชุ่มชื้นแบบง่ายๆ โดยนำองุ่นแดงหรือม่วงทั้งเปลือก ½ ถ้วย ผสมน้ำแตงกวาสด 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ปั่นรวมกันแล้วนำมาทาทั่วผิวหน้า (เว้นรอบดวงตา) ทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้ว ล้างออก ผิวหน้าจะชุ่มชื้นขึ้นและไม่แห้งกร้าน
ส่วน สูตรบำรุงเส้นผมให้ใช้น้ำองุ่นแดงหรือองุ่นม่วงคั้นสด 1-2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับแชมพู สระผม โดยพักไว้หลังสระประมาณ 5 นาทีแล้วจึงล้างฟองออกให้สะอาด จะช่วยให้เส้นผมนุ่มและเป็น เงางาม
การรับประทานองุ่นให้ได้ ประโยชน์มากที่สุดนั้น ความจริงสามารถรับประทานได้ทั้งเปลือกและเมล็ด อย่างที่บอกว่าสารอาหารที่มีคุณค่านั้นอยู่ที่เปลือกและเมล็ดมากกว่าเนื้อ องุ่นเสียอีก แต่ถ้าอยากรับประทานทั้งเมล็ดให้ง่ายขึ้น อาจจะทำเป็นน้ำองุ่นปั่นสดๆ ดื่มก็ได้ค่ะ


น้ำมะเขือเทศ เครื่องดื่มสุขภาพ

น้ำมะเขือเทศ (TOMATO)
มะเขือเทศเป็นผักที่มีผลสีแดง รสหวานอมเปรี้ยวมีคุณค่าทางอาหารสูงและมีสรรพคุณทางยา คือ เมื่อรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำช่วยบรรเทาอาการตับอักเสบ แผลเปื่อย โรคหัวใจ ความดันโลหัตสูงและเส้นเลือดในสมองแตก รักษาแผลไฟไหม้ ท้องร่วง โรคหืดหอบ และโรคภูมิแพ้ตามผิวหนัง ช่วยให้หัวใจและความดันโลหิตทำงานเป็นปกติ
นอกจากนี้น้ำมะเขือเทศช่วยชำระล้างมลพิษในปอด ช่วยรักษาโรคตา ป้องกันและรักษาโรคลักปิดลักเปิด ช่วยระบบการย่อยและช่วยการขับถ่ายอุจจาระเพราะเป็นเหมือนยาระบายอ่อน ๆ ในด้านความงามมะเขือเทศยังช่วยบำรุงผิว ลดริ้วรอยบนใบหน้า ทำให้ผิวไม่แห้งกร้าน ช่วยใหระบบการหมุนเวียนเลือดดีขึ้น มีสารที่สามารถช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราที่ปาก และที่สำคัญช่วยต้านโรคมะเร็ง

ส่วนผสม

- มะเขือเทศสด 4 - 5 ลูก
- เกลือป่นเล็กน้อย

วิธีทำ

นำมะเขือเทศสดมาล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นหั่นเป็นชิ้น ใส่เครื่องคั้นน้ำผลไม้แยกกากา แยกน้ำ ได้น้ำมะเขือเทศสดเติมเกลือเล็กน้อยเพิ่มรสชาติ ควรดื่มทันทีเพื่อป้องกันการสูญเสียคุณค่าของวิตามิน หากต้องการดื่มน้ำมะเขือเทศเย็น ๆ ให้นำมะเขือเทศไปแช่เย็นประมาณ 20 นาที จังนำมาคั้นน้ำผลไม้แยกกากแยกน้ำ ก็จะได้น้ำมะเขือเทศเย็นชื่นใจไว้ดื่ม โดยไม่เสียคุณค่าของวิตามิน
** น้ำมะเขือเทศแก้วนี้ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งและป้องกันการเกิดโรคมะเร็งในลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งทวารหนัก

คุณค่าทางอาหารของมะเขือเทศ 1 ผล

วิตามินเค ช่วยทำให้เลือดแข็งตัว บำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน ช่วยรักษาสุขภาพสตรีวัยทอง บรรเทาอาการอาเจียนในหญิงมีครรภ์
วิตามินเอ ช่วยในการมองเห็น รักษาสุขภาพผิว รักษาสิว ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ป้องกันโรคมะเร็ง ป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจ
วิตามินซี ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก ทำให้แผลหายเร็ว ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
วิตามินอี ป้องกันโรคหัวใจ โรคมะเร็ง ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันโรค บรรเทาอาการต้อกระจก บรรเทาอาการโรคกระดูกและข้ออักเสบ
แมกนีเซียม ช่วยป้องกันโรคแทรกซ้อนในผู้ป่วยเบาหวาน ป้องกันโรคหัวในล้มเหลวและโรคหัวใจ บรรเทาอาการปวดประจำเดือน
สารไลโคพีน ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ลดโอกาสความเสียงต่อการเป็นมะเร็งในต่อมลูกหมากได้มากถึง 21%
แคลเซียม ช่วยดูดซึมวิตามินดีทำให้กระดูกแข็งแรง
ฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
โพแสทเซียม ช่วยการทำงานของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท บรรเทาอาการตะคริว ลดความดันโลหิตสูง
เบต้าแคโรทีน ช่วยแก้กระหายน้ำ ต้านมะเร็ง การทำงานของระบบขับถ่าย แก้ท้องผูก บำรุงโลหิต ระบบประสาท และระบบสายตา
เหล็ก ช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลีย ป้องกันโรคโลหิตจาง ลดการปวดประจำเดือน
เส้นใยอาหาร ส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหาร ช่วยระบบขับถ่าย


ส้มตำสับปะรด เมนูเพื่อสุขภาพอีกหนึ่งเมนู แม้จะเพื่อสุขภาพแต่รสชาตินั้นแซบจริงๆ สับปะรดที่หวานอมเปรี้ยวเอามารวมกับน้ำส้มตำรสเด็ด ได้ออกมาเป็นอาหารจานสุขภาพที่รสชาติไม่จำเจ สำหรับใครที่ลดน้ำหนักไม่ควรพลาดเมนูนี้



วิธีลดน้ำหนักแบบใหม่ กินไขมัน เพื่อลดไขมัน

สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก วันนี้เรามีวิธีการลดน้ำหนักแบบที่ว่า หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง คือ การกินไขมันเพื่อลดไขมัน ... 
สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ด้วยวิธีธรรมชาติแบบง่าย วันนี้เรามีวิธีการลดน้ำหนักแบบที่ว่า หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง คือ การกินไขมันเพื่อลดไขมัน ... แม้การลดความอ้วนด้วยวิธีควบคุมอาหารจะมีมากมาย   แต่การกินน้ำมันมะพร้าวเพื่อลดน้ำหนัก พบว่าจะทำให้น้ำหนักลดลงได้ 4-5 กิโลกรัม ภายใน เดือน คงสนใจกันแล้วใช่ไหมค่ะว่า จะทำให้น้ำหนักลดได้อย่างไร เรามาลองศึกษากันค่ะ


น้ำมันมะพร้าวลดอ้วน
  น้ำมันมะพร้าวจัดเป็นน้ำมันพืชชนิดแรกๆ ที่เรารู้จัก และนำมาใช้ปรุงอาหารหรือบำรุงความงาม แต่ภายหลังนิยมบริโภคน้อยลง เพราะมีกรดไขมันอิ่มตัวสูงทำให้อ้วนและเกิดไขมันสะสม
ส่วนน้ำมันมะพร้าวที่กินเพื่อลดความอ้วน ที่สกัดโดยใช้ความร้อน แต่เป็นน้ำมันมะพร้าวที่เรียกว่า Virgin coconut oil ซึ่งผ่านกระบวนการหีบเย็น คือ ใช้วิธีการปั่น บีบน้ำมันออกมาโดยตรง หรือการแยกหมักด้วยแบคทีเรียเพื่อแยกน้ำมัน และด้วยกรรมวิธีที่แตกต่างนี้เองที่ทำให้สรรพคุณของน้ำมันมะพร้าว สองชนิดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยชนิดใหม่จะช่วยลดความอ้วนและไม่ตกค้างในร่างกาย
น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มีองค์ประกอบของกรดไขมัน ที่มีประโยชน์อยู่มาก โดยเฉพาะกรดไขมันความยาวขนาดกลาง (มีเดียมเชน ไตรกลีเซอไรด์) ซึ่งเมื่อกินเข้าไป จะมีปฏิกิริยาคล้ายน้ำตาล คือ จะถูกส่งผ่านกระแสเลือดโดยตรง จึงเข้าสู่เซลล์และสลายตัวได้เร็ว แตกต่างจากน้ำมันพืชชนิดอื่น นอกจากนี้ยังพบสารไมโตรนิวเตรียนบางตัวที่อยู่ในมะพร้าว เช่น กลุ่มฮอร์โมนพืช ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพและช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

อาหาร 8 ชนิดที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม

1.นมนมเป็นแหล่งโปรตีนที่อุดมแคลเซียมร่างกายของผู้หญิงเ ราต้องการแคลเซียมไปใช้มากกว่าผู้ชายในการดูแลกระดูก ให้แข็งแรง (โดยเฉพาะช่วงตั้งครรภ์ ช่วงให้นมแม่ หลังวัยหมดประจำเดือน) และเพื่อไม่เกิดปัญหากระดูกพรุนในภายหลัง จึงมีคำแนะนำให้ผู้หญิงดื่มนมเป็นประจำวันละ 2 แก้ว (เลือกแบบจืดชนิด low fat ) ทั้งนี้ก็เพื่อกระดูกที่แข็งแรงนั่นเองค่ะ


2.โยเกิร์ต
ในโยเกิร์ตมีจุลินทรีย์ที่ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันในร ่างกายของเราทำงานอย่างสมบูรณ์ขึ้นด้วย แต่ที่สำคัญคือจะต้องเป็นโยเกิร์ตรสธรรมชาติที่ไม่เต ิมผลไม้เชื่อมหรือน้ำตาลลงไป เพราะนอกจากจะทำให้อ้วนแล้ว ความหวานยังไปทำลายจุลินทรีย์เสียหมด คุณค่าที่ต้องการเลยหายวับไปอย่างน่าเสียดาย


3.น้ำมันมะกอก
เป็นไขมันชนิดที่ไม่อิ่มตัว ซึ่งดีและเป็นประโยชน์กับสุขภาพ เพราะไปช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LDL ซึ่งเป็นไขมันในหลอดเลือดตัวอันตรายหรือไตรกรีเซอไรด ์ รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องของความดันโลหิตสูงได ้อีกด้วย นอกจากนั้นยังมีวิตามิน E สารต้านอนุมูนอิสระ (antioxidant) ที่ช่วยบำรุงผิวให้สดใสอีกด้วย


4.เมล็ดทานตะวัน
เป็นธัญพืชที่อุดมด้วยวิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ที่ช่วยต่อต้านริ้วรอย ชะลออายุของเซลล์ผิว จึงช่วยให้ผิวสดใส ดูยังเป็นสาวอ่อนวัย นอกจากนั้นวิตามินอียังจะช่วยลบเลือนรอยแผลเป็นให้จา งลงไปได้ด้วย เพราะฉะนั้นจะกินเมล็ดทานตะวันเป็นของงว่างหรือโรยหน ้าสลัดจานโปรดก็ดีทั้งนั้นค่ะ


5.บล็อกโคลี
นอกจากจะอร่อยแล้ว บล็อกโคลียังเป็นผักที่ให้วิตามินซี แคลเซียม เหล็ก ซึ่งล้วนมีประโยชน์กับร่างกายทั้งสิ้น นอกจากนั้นยังมีกากใยช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดี แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องไม่ปรุงให้สุกมากเกินไปเพราะค วามร้อนจะทำให้คุณค่าวิตามินต่างๆ จะหายไปหมด


6.มะเขือเทศ
เป็นแหล่งเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ดีโดยเฉพาะระบบย่อย ที่สำคัญมีการวิจัยพบว่าการกินมะเขือเทศ (สดๆ ทั้งเปลือก) ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเป็นมะเร็งเต้านมและมะเร็งปอ ดได้ ใครที่เคยเมินมะเขือเทศรีบเปลี่ยนความคิดด่วนค่ะ


7.เต้าหู้
เป็นแหล่งโปรตีนสำคัญจากพืช จึงมีไขมันต่ำแถมแคลเซียมสูง ราคาก็ไม่แพง กินแล้วดีกับระบบย่อยอาหาร สบายท้อง นอกจากนั้นในเต้าหู้ยังมีสารที่ช่วยปรับระดับของฮอร์ โมนเอสโตรเจนในร่างกายให้สมดุลอีกด้วย


8.น้ำสะอาด
60 % ของร่างกายมีน้ำเป็นส่วนประกอบ น้ำจึงมีส่วนสำคัญเกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย และด้วยความที่สำคัญอย่างนี้คุณๆ จึงควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว โดยขอย้ำว่าเป็นน้ำสะอาด ไม่ใช่น้ำหวาน น้ำอัดลม

โรคหัวใจขาดเลือด หมายถึงภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยง เนื่องจากหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบอุดตัน หรือเกร็งตัวอย่างแรง หัวใจจะขาดออกซิเจน และสารอาหารจนทำให้หัวใจหยุดทำงาน โรคนี้มักเกิดกับผู้ สูงอายุ แต่ก็พบได้ในวัยกลางคนเกิดในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ดังนั้น จึงควรป้องกันกันตั้งแต่อายุยังน้อย

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคนี้คือ ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง การสูบบุหรี่ ขาดการออกกำลังกาย และความเครียด

อาหารกับโรคหัวใจขาดเลือด

การปรับพฤติกรรมการกินมีความสำคัญต่อโรคหัวใจขาดเลือด ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่มีรสหวานจัดเค็มจัดเครื่องดื่มที่มีรสหวาน แอลกอฮอล์ นอกจากนี้ต้องงดสูบบุหรี่ รวมทั้งความเครียด และเพิ่มการออกกำลังกาย

อาหารที่ควรกินสำหรับคนที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด

- นมพร่องมันเนย
- อาหารประเภทเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เนื้อปลา
- ผักต่าง ๆ เช่น ผักบุ้ง ผักคะน้า ฟักเขียว ตำลึง
- ผลไม้ต่าง ๆ เช่น ส้มเขียวหวาน กล้วยน้ำว้า มะละกอ สับปะรด
- ไขมันจากพืช เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว

อาหารที่ไม่ควรกินสำหรับคนที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด

อาหารที่มีไขมันสูง เช่น พวกไขมันสัตว์ หนังเป็ด หนังไก่ นม เนย ไข่แดง อาหารที่ปรุงจากกะทิ และน้ำมันมะพร้าว มันสมอง อาหารรสจัด เช่น รสหวานจัด พวกขนมหวานต่าง ๆ และกาแฟ

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554


อาการท้องผูกมักพบบ่อยในผู้สูงอายุ เนื่องจากระบบการย่อยอาหารรวมถึงระบบทางเดินปัสสาวะ และไตของผู้สูงอายุเสื่อมลงทำให้การขับของเสียออกจากร่างกายไม่ปกติ จึงเกิดอาการแน่น อึดอัด ความอยากอาหารลดลง นอนไม่หลับ การกินอาหารที่มีเส้นใยมากจะทำให้ลำไส้เคลื่อนไหว บีบตัว เอากากอาหารจากเส้นใยออก ผักที่มีเส้นใยสูง ช่วยลดอาการท้องผูกในผู้สูงอายุได้ “ เส้นใยอาหาร “ ไม่ใช่สารประกอบอาหารแต่เป็นสารได้จากพืชและผักทุกชนิด ซึ่งนอกจากจะไม่ถูกย่อยแล้ว เส้นใยอาหารจะทำหน้าที่ดูดน้ำ อุจจาระ จึงอ่อนตัวและถ่ายง่าย นอกจากนี้ยังช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยให้ท้องไม่ผูก ทำให้ร่างกายไม่หมักหมมสิ่งบูดเน่าและสารพิษไว้ในร่างกาย จึงเป็นการป้องกันการเกิดมะเร็งใน ลำไส้ใหญ่ด้วย

อาหารกับโรคท้องผูก

ผู้สูงอายุที่มีอาการท้องผูกต้องดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6 – 8 แก้ว และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหวดีขึ้น ทำให้การขับถ่ายสม่ำเสมอและท้องไม่ผูก

อาหารสำหรับผู้สูงอายุที่ท้องผูกควรกิน

อาหารที่มี “เส้นใย“ ได้แก่ เมล็ดธัญพืชที่ขัดสีน้อย ผลไม้ทุกชนิดเช่น สับปะรด ส้มโอ ฝรั่ง มะม่วงดิบ องุ่น มะละกอ สาลี่ แอปเปิ้ล โดยเฉพาะผลไม้ที่กินได้ทั้งเปลือก ผักทุกชนิดที่มีเส้นใยสูง เช่น ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี ผักกาดหอมแตงกวา มะเขือเทศสด หน่อไม้ฝรั่ง ผักกวางตุ้ง ผักคะน้า

อาหารสำหรับผู้สูงอายุที่ท้องผูกไม่ควรกิน

- เนื้อสัตว์ติดมัน
- ขนมหวานต่าง ๆ เช่น ทองหยิบ ทองหยาด ฝอยทอง สังขยา เป็นต้น


                                               น้ำขิง เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

น้ำขิง (GINGER)

ขิงจัดเป็นผักสมุนไพรที่มีรสเผ็ด แต่มีสรรพคุณทางยามากมาย นั่นคือ ช่วยให้เลือดหมุนเวียนดี บำรุงเส้นผมที่เกิดใหม่ แก้อาการท้องร่วง บรรเทาอาการหวัดและไข้หวัดใหญ่ ยับยั้งอาการอาเจียน ลดอาการวิงเวียน ช่วยขับลม ขิงสามารถลดอาการจุกเสียด ขับน้ำดี ลดการอักเสบ ลดการหลั่งกรด ต้านแบคทีเรีย ยับยั้งการไอ ช่วยบำรุงกระดูและและฟัน ช่วยต้านโรคมะเร็ง ช่วยเจริญอาหารกินข้าวได้
นอกจากนี้ขิงยังลดการจับตัวของลิ่มเลือด ช่วยย่อยอาหาร โดยเพิ่มการพลั่งน้ำดีและน้ำย่อยต่าง ๆ ด้วยการเกิดแผลในกระเพราะอาหาร

คุณค่าทางอาหารของขิง

แคลเซียม ช่วยดูดซึมวิตามินดีทำให้กระดูกแข็งแรง
เบต้าแคโรทีน ช่วยแก้กระหายน้ำ ต้านมะเร็ง การทำงานของระบบ ขับถ่ายแก้ท้องผูก บำรุงโลหิต ระบบประสาท และระบบสายตา
                                                สุดยอดอาหารที่ทำให้อารมณ์ดี

ทำให้อารมณ์เปลี่ยน ร่างกายแข็งแรง ขับถ่ายคล่อง

          เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซูซาน มัวร์ โฆษกจากสมาคมโภชนาการของอเมริกาและที่ปรึกษาด้านสารอาหารในเซนต์ปอลได้ออกมาบอกว่า การรับประทานอาหารเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคนเราแถมยังช่วยรักษาสมดุลของอารมณ์ได้ เพราะนอกจากอาหารจะให้พลังงานแล้ว ยังสร้างเซโรโทนิน ซึ่งเป็นเคมีในสมองที่สามารถทำให้จิตใจของคนเราสงบและเย็นขึ้นได้ ดังนั้นเมื่อคนเราเลือกอาหารที่ดี อารมณ์ของเราก็จะดีไปด้วย

          นอกจากนี้มัวร์ยัง บอกอีกว่าปัจจุบันคนหันมานิยมการรับประทาน
อาหารแบบโลว์คาร์โบไฮเดรตกันมากขึ้น เป็นเหตุทำให้มีผลทางข้างเคียงกับอารมณ์ เพราะคาร์โบไฮเดรตจะเป็นตัวสร้างเซโรโทนินให้กับร่างกาย หากร่างกายของคนเราขาดแคลนคาร์โบไฮเดรตก็จะส่งผลให้อารมณ์เปลี่ยนไปด้วย...

           ถ้าคุณอยากเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนอารมณ์ดี อาหารเหล่านี้ช่วยคุณได้

           ปลาแซลมอนและแม็กคาเรล ซึ่งปลาทั้ง 2 ประเภทนี้จะมีโอเมก้า 3 อยู่เยอะมาก ที่สำคัญมีการวิจัยมาแล้วว่าโอเมก้า 3 มีผลกับอารมณ์ของคนเรา นอกเหนือจากที่โอเมก้า 3 ช่วยป้องกันโรคหัวใจและมะเร็ง ที่ดีไปกว่านั้นแซลมอนยังเต็มไปด้วยเซเลเนียมที่เป็นสาระสำคัญในการต่อต้านอนุมูลอิสระด้วย

         ตามมาด้วย คาโนลาออยล์ (Canola Oil) น้ำมันจากดอกคาโนลาซึ่งกำลังได้รับความนิยมมาก เนื่องจากเต็มไปด้วยวิตามินอีซึ่งมีผลต่อระดับอารมณ์ของคนเรา แต่ด้วยความที่ในน้ำมันจะมีไขมัน จึงควรที่จะรับประทานไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม ซึ่งอาจจะใช้น้ำมันชนิดนี้เวลาทอดปลาแซลมอนหรือทำอาหารสุขภาพที่คุณชอบมารับประทานด้วยจะยิ่งดี

             ผักโขมและถั่วสด ซึ่งในผักใบสีเขียวเข้มอย่างผักโขมหรือถั่วนั้นมีโฟเลตสูง ช่วยให้คนเรามีอารมณ์อยู่ในระดับปกติ เนื่องจากโฟเลตมีส่วนสำคัญในการสร้างเซโรโทนิน ที่ดีไปกว่านั้นการรับประทานถั่วจะช่วยให้ร่างกาย
รับวิตามินซีและไฟเบอร์ด้วย แต่ถ้าคนที่ชอบทานถั่วแนะนำให้เลือกรับประทานถั่วสดเพราะจะมีสารอาการมากกว่า
ถั่วกระป๋อง หรืออาจจะเพิ่มผักใบเขียวไปด้วยก็ได้จะยิ่งทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพิ่มมากขึ้น แถมผักโขมยังสามารถช่วยแก้อักเสบ แก้ฝี แก้ผดผื่นคัน มีน้ำเหลือง และใช้เป็นยาขับปัสสาวะได้ด้วย...

               ตามมาด้วยไก่ อาหารที่มีวิตามินบี 6 อยู่ในปริมาณมาก ซึ่งไก่จะช่วยสร้างเซโรโทนินขึ้นในร่างกายของเรา และยังเป็นแหล่งของเซเลเนียม วิตามินและสารอาหารอื่นๆ ด้วย แต่การรับประทานหนังไก่เข้าไปในปริมาณมากเกินไปจะทำให้เพิ่มไขมันให้ร่างกายไม่น้อยเช่นกัน หากเลือกที่จะรับประทานไก่ ให้เลือกที่ไม่มีหนังไก่ติดมาดีกว่า...

              หากเริ่มรู้สึกว่าคนข้างๆ คุณเริ่มอารมณ์เสีย ลองเปลี่ยนเมนูมื้อต่อไปเป็น ปลาแซลมอน ปลาแม็กคาเรล คาโนลาออยล์ (Canola Oil) ผักโขม ถั่วสด และไก่ เป็นอาหารมื้อต่อไปดูสิ แล้วตัวคุณและคนข้างๆ อารมณ์ดีขึ้น ที่สำคัญเมื่อรับประทานอาหารอิ่มแล้ว อย่าลืมออกกำลังกายด้วยเสมอ เพียงแค่วันละ 30 นาที ก็พอ หากคุณทำได้ สุขภาพดี อารมณ์แจ่มใสจะอยู่กับคุณ



เมนูเพื่อสุขภาพ
                                                                ยำมะระหวาน 



รู้จัก มะระหวาน กันหรือเปล่าคะ ที่ชาวเขาเรียกกันว่า ฟักแม้วหรือฟักม้ง นั่นแหละ จะปลูกกันมากทางภาคเหนือของประเทศไทย
มะระหวานจะมีรูปร่างคล้ายๆ กับฝรั่งไร้เมล็ด ซึ่งรับประทานได้ทั้งยังดิบๆ อยู่ โดยที่ยังไม่ได้นำไปปรุงเป็นอาหารอะไรเลยนะคะ รสชาติก็จะหวาน กรอบ อร่อยมาก และเมื่อนำไปปรุงเป็นอาหารความอร่อยก็มิได้ลดน้อยถอยลงเลยสักนิด แต่ก่อนไม่นิยมนำมารับประทานเพราะเป็นผักพื้นบ้านมีรับประทานกันเฉพาะถิ่นที่มีเท่านั้น แต่ตอนมีขายหาซื้อได้ทั่วๆ ไปเลย
ส่วนใหญ่คนมักจะนำมะระหวานมาผัดกับไข่ เหมือนอย่างที่เราเอามะระจีนมาผัดกับไข่รสชาติออกไปทางเค็มและขมนิดๆ แต่ผัดมะระหวานกับไข่ รสชาติเค็ม หวานนิดๆ และไม่มีรสขมเลย อร่อยมากจริงๆ ผู้เขียนเคยลองนำมะระหวานไปผัด ไปต้ม หรือแกงก็อร่อยทุกอย่าง ส่วนด้านคุณค่าทางอาหารนั้นอยากรู้เลยลองไปค้นๆ ดู ก็พบว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก มีทั้งวิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส เบต้า-แคโรทีน ดีจริงๆ ลืมคำว่า "ขมเหมือนมะระ" ไปเลย
ท่านผู้อ่านที่ไม่รับประทานมะระจีนหรือมะระขี้นกเพราะรสขม คราวนี้แหละเห็นทีจะต้องชอบแน่ๆ ไหนๆ ก็ไหนๆ สำรับไทยวันนี้ผู้เขียนขอแนะนำเมนูอาหารจากมะระหวานหรือฟักม้ง แล้วแต่จะเรียกขานกันนะคะ ที่ผู้เขียนได้รวบรวมไว้มีทั้งเมนูที่ให้ลองทำรับประทานกันทั้งดิบๆ และเมนูที่นำไปปรุงให้สุกเสียก่อน
                                                 แก้วมังกรผลไม้เพื่อสุขภาพ


แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง แคลอรี่ต่ำอุดมไปด้วยวิตามินซี แมกนีเซียมและแคลเซียม แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่มีกากใยสูง เมล็ดสีดำเล็กๆ ที่กระจายอยู่ทั่วไปในผลแก้วมังกรจะอุดมไปด้วยไขมันที่ไม่อิ่มตัวซึ่งช่วยต่อต้านปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น แก้วมังกรจึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน
สรรพคุณของแก้วมังกรอีกอย่างหนึ่งคือใช้เป็นผลไม้เสริมสุขภาพและความงาม ใช้บริโภคเพื่อจุดประสงค์ในการลดน้ำหนัก เนื่องจากเมื่อกินแก้วมังกรแล้วจะรู้สึกอิ่มและในผลแก้วมังกรก็มีกากใยสูงประกอบกับให้แคลอรี่ต่ำจึงนิยมใช้บริโภคเพื่อลดน้ำหนัก


แก้วมังกรเป็นพืชในตระกูลกระบองเพชรซึ่งมีสารที่มีประโยชน์คือมิวซิเลจ(Mucilage) ที่มีลักษณะคล้ายวุ้นเจลช่วยดูดซับน้ำในร่างกาย ควบคุมระดับกลูโคสในคนที่เป็นโรคเบาหวาน(ชนิดไม่พึ่งอินซูลิน)ได้ แก้วมังกรยังมีประโยชน์ในการบรรเทาโรคโลหิตจางช่วยเพิ่มธาตุเหล็กให้แก่ร่างกาย นอกจากนี้ผลแก้วมังกรยังมีสรรพคุณในการป้องกันโรคหัวใจ มะเร็งลำไส้และต่อมลูกหมาก เบาหวาน ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของกระดูกและฟัน
แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่มีทั้งสรรพคุณทางยา คุณค่าทางโภชนาการหากรู้จักกินเป็นอาหารรักษาโรค(เภสัชโภชนา)แล้วยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพกับความงาม(ผิวพรรณและการลดน้ำหนัก)อีกด้วย จนอาจพูดได้ว่า แก้วมังกรเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายเช่นเดียวกับผลไม้ชนิดอื่นๆ เช่น มะละกอ ส้ม กล้วย ฯลฯ ดังนั้นหากเรารู้จักเลือกรับประทาน "ผลไม้เพื่อสุขภาพ" ให้ถูกต้องย่อมเกิดผลดีกับร่างกายอย่างแน่นอน
แต่วิธีการกินผลไม้ที่ถูกต้องก็คล้ายกับการกินอาหารนั่นคือต้องกินให้หลากหลายจึงจะได้รับสารอาหารและประโยชน์อย่างครบถ้วน การกินผลไม้ก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน ไม่ใช่พอรู้ว่าแก้วมังกรมีประโยชน์และดีต่อสุขภาพมากมายหลายประการแล้วก็พยายามหาและกินเฉพาะแก้วมังกรเท่านั้นผลไม้อื่นที่นอกเหนือจากแก้วมังกรแล้วไม่ยอมกินเลย ถ้าทำอย่างนี้จะไม่ได้รับประโยชน์จากการกินผลไม้ที่ถูกต้องเรียกว่า "กินไม่เป็น" ดังนั้นให้เดินทางสายกลางคือกินแต่พอดีจะดีที่สุด

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554



แอปเปิ้ล (APPLE)

แอปเปิ้ลให้สารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและวิตามินซีเป็นหลัก ซึ่งปริมาณวิตามินซีจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว และความสด เนื้อแอปเปิ้ล 100 กรัม มีวิตามินซีประมาณ 6 มิลลิกรัม และให้พลังงานราว 59 แคลอรี ไม่ทำให้อ้วน แต่แอปเปิ้ลก็มีสารอาหารที่มีประโยชน์ชนิดอื่นทดแทน แบบที่เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้าผลไม้อื่นแต่อย่างใด
พลังงานที่ได้จากแอปเปิ้ลมีลักษณะพิเศษที่น่าสนใจคือ แอปเปิ้ลจะให้พลังงานค่อนข้างต่ำและค่อยเป็นค่อยไป เพราะแหล่งพลังงานของแอปเปิ้ลคือ น้ำตาลฟรักโทสซึ่งเป็นน้ำตาลที่เปลี่ยนรูปเป็นพลังงานอย่างช้า ๆ ในร่างกายช่วยให้ไม่รู้สึกหิว อิ่มนาน ผลที่ตามมาคือ ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ไม่สูงเร็วเหมือนกินขนมหวาน จึงเหมาะกับคนไข้เบาหวานด้วยเช่นกัน
เปลือกและเนื้อของแอปเปิ้ลมีเส้นใยอาหารที่ชื่อว่า "เพคติน" ที่ มีคุณสมบัติพองตัวได้มาก ช่วยเพิ่มกากในทางเดินอาหาร ทำให้อวัยวะในทางเดินอาหารมีการทำงานเป็นปกติ เพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่าย ซึ่งเป็นการช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ และยังช่วยจับคอเลสเตอรอลไม่ให้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ป้องกันโรคคอเลสเตอรอลในเลือดสูง โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง
นอกจากนี้ แอปเปิ้ลยังอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่และสารอาหารที่มีประโยชน์อีกหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ บี 1 บี 2 บี 6 ไบโอติน กรดโฟลิก กรดแพนโทเธอนิค เกลือแร่ คลอไรด์ เหล็ก ทองแดง แมกกานีส แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม ซิลิคอน และยังมีกรดอินทรีย์ 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน สารอาหารเหล่านี้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน โดย เฉพาะวิตามินซี และสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในแอปเปิ้ล จะช่วยป้องกันโรคหัวใจในผู้ที่รับประทานเป็นประจำ

วิธีทำน้ำแอปเปิ้ล

ส่วนผสม

- เนื้อแอปเปิลสุก 2 ถ้วยตวง
- น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
- เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

- ล้างแอปเปิลให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
- นำเนื้อแอปเปิลผสมน้ำ ต้มให้เดือด พอเนื้อแอปเปิลเปื่อยนำมายีให้ละเอียด
- ผสมน้ำตาลทราย เกลือ คนให้ละลาย นำไปต้มอีกครั้งให้เดือด ยกลงพักให้เย็น
วิธีเสิร์ฟ : แช่ให้เย็นในตู้เย็น หรือลอยด้วยน้ำแข็ง 2 - 3 ก้อน
สรรพคุณ : แก้กระหายน้ำ บำรุงกำลัง ละลายเสมหะ ช่วยระบาย

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

มะระขม...แต่ดีมีประโยชน์

หวานเป็นลม ขมเป็นยาจริงๆ
แม้มะระจะขึ้นชื่อลือชาเรื่องความขมจนติดลิ้น แต่ก็มีคุณค่าทางโภชนาการ เพราะในมะระมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เช่น แคลเซียม ช่วยเสริมสร้างการทำงานของกระดูกและฟัน ช่วยให้เลือดแข็งตัว มีฟอสฟอรัสซึ่งทำงาน ซึ่งทำงานสัมพันธ์กับแคลเซียมในการบำรุงกระดูกและฟัน บำรุงสมอง กล้ามเนื้อ วิตามินซีที่ช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส อีกทั้งยังมีเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูง ช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกันโลกและปกป้องเซลล์จากการทำลายของสารก่อมะเร็ง

นอกจากนั้นส่วนๆ ของต้นมะระยังเป็นพืชผักสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาอีกหลายประการ เช่น ใบสดใช้ต้มดื่มเพื่อบรรเทาอาการหวัด รักษาแผลในกระเพาะอาหาร แก้อาการร้อนใน กระหายน้ำ ลดการบวมหรือฟกช้ำตามร่างกาย และสามารถใช้ทาแก้อาหารผื่นคันได้ด้วย ส่วนผลมะระเมื่อสุก คั้นเอาแต่น้ำ ใช้ทาหน้าเพื่อแก้อาการสิวอักเสบ ผลดิบ ลวกกินกับน้ำพริก แก้อาการปวดเข่าในผู้สูงอายุ หรือแม้แต่เมล็ดมะระก็มีคุณสมบัติในการปรับธาตุในร่างกายให้เกิดความสมดุล รากสดของมะระใช้ต้มน้ำดื่มแก้ไข้ และบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวารได้ด้วย

ถึงมะระจะมีรสชาติค่อนข้างขม แต่มะระก็ได้รับความนิยมจากคนรักสุขภาพนำผลสดๆ มาคั้นเป็นน้ำดื่ม เพราะน้ำที่ได้จากผลมะระมีสรรพคุณในการช่วยฟอกเลือดและกระตุ้นการทำงานของตับให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยลดน้ำตาลในเลือดและเพิ่มอินซู

ลินตามธรรมชาติให้กับร่างกาย เหตุนี้น้ำมะระจึงเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานอย่างยิ่ง

ในการเลือกซื้อมะระมาทำอาหารแต่ละครั้งนั้น ถ้าไม่อยากได้มะระแก่ไปทำอาหาร ควรสังเกตที่หนามของมะระถ้าหนามมีลักษณะแข็ง แสดงว่ามะระนั้นแก่เต็มที่ ไม่ควรซื้อเพราะจะมีรสขมมาก แต่ถ้าหนามมีลักษณะอ่อนนิ่ม แสดงว่าเป็นมะระอายุน้อยและไม่ขม สามารถนำมาประกอบอาหารได้

Tip ตกขาวมะระช่วยได้

นำมะระขี้นกแก่ประมาณ 10 ลูก ล้างให้สะอาด โขลกทั้งเม็ดให้ละเอียด ใช้ผ้าขาวบางคั้นเอาแต่น้ำ ผสมเหล้าขาว 3 ช้อนชา รับประทานวันละ 1 ครั้งติดต่อกัน 1 สัปดาห์ อาการจะดีขึ้น

เฮลตี้ สไปซ์ อาหารเพื่อสุขภาพ

5 เมนูเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

ทุกวันนี้คุณยังชอบดื่มน้ำอัดลมกันอยู่หรือเปล่า ถ้าตอบว่าใช่ คุณคงต้องเปลี่ยนความคิดกันได้แล้วล่ะค่ะ เพราะเราจะพาคุณไปพบกับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ทำได้ง่ายๆ และก็มีรสชาติอร่อย ป้องกันและการบรรเทาอาการต่างๆ และไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณอย่างแน่นอนค่ะ...  เมนูเพื่อสุขภาพที่คุณหาซื้อรับประทาน และสามารถทำได้เอง ซึ่งมีทั้งประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย และยังช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ดีต่อสุขภาพค่ะ..

1.น้ำลูกเดือยทรงเครื่อง
สรรพคุณ : ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยเจริญอาหารบำรุงกระดูก บำรุงสายตา
วิธีทำ : นำลูกเดือยและข้าวมันปูกล้องต้มจนเปื่อย แล้วปั่นรวมกัน จากนั้นก็กรองแยกกากออก โรยเกลือเล็กน้อย ก่อนเสิร์ฟนำไปแช่ตู้เย็นให้เย็น หรือดื่มตอนอุ่นๆ ก็ได้

2.น้ำงาดำ
สรรพคุณ :ช่วยรักษาระดับคอเรสเตอรอล ป้องกันไม่ให้เกิดหลอดเลือดอุดตัน หรือหลอดเลือดแข็งตัว บำรุงประสาท แก้เหน็บชา ลดอาการนอนไม่หลับ ป้องกันอาการท้องผูกและเบื่ออาหาร
วิธีทำ :นำงาดำป่น งาขาวป่น ถั่วเหลืองป่นผสมน้ำต้มจนเดือด และใส่น้ำตาลทรายแดงสักหน่อย โรยเกลืออีกสักนิด ก็จะได้น้ำงาดำอร่อยๆ อุ่นๆ พร้อมดื่มได้ทุกวัน

3.โอวัลตินปั่นวุ้นธัญพืช
สรรพคุณ :ในโอวัลตินไฟว์เกรนส์จะมีส่วนผสมของธัญพืชทั้ง 5 ชนิดที่เข้าไปช่วยรักษาสมดุลในร่างกายให้แข็งแรงและสดใส ส่วนลูกเดือยต้มสุกก็มีฤทธิ์เป็นยาเย็น ช่วยแก้ร้อนใน ถั่วเหลืองก็ช่วยลดคอเรสตอรอลและป้องกันโรคหัวใจได้
วิธีทำ :นำโอวัลตินแบบผงหรือโอวัลตินไฟว์เกรนส์มาชงใส่นมข้นหวานแล้วปั่น จากนั้นก็นำวุ้นธัญพืช (ผงวุ้นสำเร็จรูปต้มกับน้ำ แล้วเติมธัญพืช) มาตัดเป็นชิ้นแล้วใส่ลงไปในแก้ว

4.สมูธตี้โยเกิร์ตจมูกข้าวสาลี
สรรพคุณ :โยเกิร์ตและผลไม้ที่ใช้เป็นแหล่งรวมวิตามินทั้งบีและซี ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ช่วยรักษาสุขภาพลำไส้ใหญ่ จมูกข้าวสาลีมีใยอาหารป้องกันท้องผูก และมีวิตามินอี ซึ่งสามารถป้องกันโรคต้อกระจก
วิธีทำ :จมูกข้าวสาลีผง โยเกิร์ตรสธรรมชาติหรือรสผลไม้รวม น้ำส้มคั้น กล้วยหอม น้ำผึ้งแทนหรือน้ำตาลทรายแดง และน้ำแข็ง นำมาปั่นรวมกัน

5.น้ำเต้าหู้ผสมเต้าฮวยธัญพืช
สรรพคุณ :ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันมะเร็งทางเดินอาหาร และในถั่วเหลืองจะมีเลซิทิน ซึ่งเป็นสารบำรุงสมอง เพิ่มความจำ ลดไขมัน และลดคอเรสเตอรอลในร่างกาย
วิธีทำ : นำถั่วเหลืองบดด้วยเครื่องพร้อมกับน้ำเปล่า กรองกากออก นำน้ำนมที่ได้ตั้งไฟอ่อนๆ เติมเกลือเล็กน้อย คนเรื่อยๆ แล้วเติมน้ำตาลตามใจชอบ จากนั้นก็เทใส่เต้าฮวยธัญพืช (ผงเต้าฮวยสำเร็จรูปทำตามขั้นตอนแล้วเติมธัญพืชที่ชอบก่อนที่จะจับตัวเป็นวุ้น) ที่ตัดเป็นแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ ลงไปในแก้วน้ำเต้าหู้ ได้ทั้งน้ำได้ทั้งเนื้อ อิ่ม!

ตลอดการทำงาน 5 วัน มารักษาสมดุลให้กับร่างกาย ด้วยเครื่องดื่มที่ผสมธัญพืช 5 ชนิด ที่หาดื่มได้ง่ายๆ ไม่เสียเวลา และทำเองได้ง่ายๆ สามารถดื่มตอนเย็น ก่อนนอน ดื่มตอนเช้าหรือดื่มเป็นของว่างระหว่างวันการทำงาน ก็ทำให้ร่างกายของคุณได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง 5 ธาตุของร่างกาย ส่งผลให้ตลอดอาทิตย์นั้นคุณรู้สึกสดชื่นและมีสุขภาพแข็งแรงในระยะยาวค่ะ

เมนูปลา..เพื่อสุขภาพ

รู้มั้ยว่าผู้คนในอินเดียและจีนนั้นยกย่องให้เนื้อปลาเป็นยอดของอาหารบำรุงสมอง เพราะในเนื้อปลามีกรดไขมันจำเป็น โอเมก้า 3 (มีมากในปลาทะเล) ซึ่งช่วยบำรุงสมองและระบบประสาทค่ะ เป็นโปรตีนชั้นดี ไขมันต่ำ และย่อยง่าย ใครอยากมีสุขภาพดีล่ะก็...ต้องหันมารับประทานปลากันนะคะ